KSB The Challenge 2010

KSB The Challenge 2010
ข่าวสาร รูปกิจกรรมต่างๆ พูดคุยกับสมาชิก

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันพระ กับชินะตาลัย



สื่อธรรมะ ชินะตาลัย เป็นโครงการที่ต้องการเผยแพร่
ธรรมะทั้งหนังสือและซีดีธรรมะต่างๆเพื่อเป็นธรรม
ทานแก่ผู้สนใจ โดย หนังสือเล่มแรกที่ตอนนี้ทำเสร็จ
สมบูรณ์แล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิมพ์อยู่ คาด
ว่าอีกไม่กี่วันก็เสร็จ พร้อมจะส่งให้กับผู้มีจิตศรัทธา
ร่วมบริจาคเงินเพื่อพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นหนังสือที่
เนื้อหาส่วนใหญ่เหมาะสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมมือใหม่ ไม่
เหมาะสำหรับผู้รู้ หรือผู้ที่บรรลุแล้ว และนี่คือบางส่วนของ
เนื้อหา

เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ไม่เจอทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรมะ เพราะไม่วันใดก็วันหนึ่งตัวเราเองหรือคนใกล้ตัวก็ต้องเจอกับความทุกข์ บางคนทุกข์เพราะกิเลสอันได้แก่ รัก โลภ โกรธ หลง ทุกข์เพราะการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือไม่ก็พลัดพรากจากของรัก ทุกข์เพราะไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา ของเราไม่ยอมปล่อยวาง ทุกข์เพราะเอาใจไปอิจฉา ไปอาฆาตพยาบาทผู้อื่น ทุกข์เพราะถูกด่าถูกนินทา ทุกข์กับการมี ไม่มี และทุกข์อีกมากมาย ซึ่งเราต้องสอนให้ตัวเองยอมรับความเป็นจริงของโลกให้ได้ว่า “โลกเป็นทุกข์” ไม่มีใครเกิดมาแล้วจะหลบหนีความทุกข์ไปได้ ดังนั้นพุทธศาสนาจึงให้ความสำคัญของทุกข์ ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่อง อริยสัจ4 ซึ่งเป็นแก่นของศาสนาพุทธก็เป็นเรื่องของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ และการดับทุกข์ ถ้าคนเราเมื่อมีความทุกข์เข้ามาแล้วสามารถผ่านพ้นและพัฒนาตัวเองไปได้ก็จะรู้สึกขอบคุณความทุกข์ที่เจอ เพราะถ้าชีวิตไม่เจอทุกข์ ก็จะไม่หันมาสนใจพัฒนาชีวิตที่บกพร่องให้ดีขึ้นกว่าเก่าและมีส่วนทำให้ชีวิตได้มาศึกษาและปฏิบัติจากศาสนาพุทธ ถ้าถามว่าทำไมบางคนจึงเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้เยอะขนาดนี้ ทั้งที่เขาอาจเริ่มจากการฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ได้สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ยิ่งฟังและปฏิบัติตามยิ่งทำให้นิสัยเปลี่ยนไป เป็นคนมีสติระลึกรู้ จากที่เมื่อก่อนที่เคยคิดว่าเราเป็นชาวพุทธแต่ในทะเบียนบ้าน แต่ไม่เคยเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไรบ้าง เราจึงพลาดหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต เพราะมัวแต่รู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องเชย เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องของคนแก่ คนอกหักรักคุด เป็นเรื่องไกลตัว หรือยังเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรม คือ การนุ่งขาวห่มขาว อดข้าวเย็น ถือศีล เดินจงกรม นั่งสมาธิอย่างเดียวหรือการเป็นชาวพุทธ คือการไปวัดทำบุญ ใส่บาตรแล้วจบ
ถ้าความรู้ในโลกนี้มีมากมายเหมือนใบไม้ในป่า พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ท่านจะสอนเพียงแค่ใบไม้หนึ่งกำมือ ใบไม้หนึ่งกำมือของท่าน คือความรู้ที่เพียงพอต่อการเดินไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์ เพราะในเวลาที่ชีวิตเรามีวิกฤต ใบไม้หนึ่งกำมือนี้แหละจะช่วยเราได้ หลายคนเรียนจบสูงๆก็ยังไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าชีวิตต้องการอะไร ไม่รู้ว่าจุดหมายของชีวิตอยู่ตรงใหน ถ้าเราจำได้ตั้งแต่เราเกิดมา เรารับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคมาแล้วกี่ขนาน แต่น่าเสียดายที่วัคซีนเหล่านั้นไม่ยักกะมีวัคซีนต้านทานความทุกข์มาให้ด้วยคนรุ่นนี้จึงอ่อนแอกับปัหามากขึ้น สอบตก เกรดไม่ดีก็ฆ่าตัวตาย แฟนทิ้งอกหัก งานไม่ดีสามีไม่รักก็ฆ่าตัวตาย คนที่เจอปัญหาแล้วคิดฆ่าตัวตาย ก็คงคล้ายกันเราจมอยู่ในปัญหาแบบขาดสติ แล้วคิดว่านี่คือกาลอวสานของโลกแต่จริงๆแล้วถ้ามีสติ อดทนผ่านปัญหาไปให้ได้ แล้ววันหนึ่งมองย้อนกลับมาจะรู้เลยว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยรู้สึกนะเมื่อคิดถึง ที่พระพุทธเจ้าท่านอธิบายว่ากว่าคนเราจะมีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ได้มันยากขนาดไหนแต่เพราะไม่รู้แจ้งในสังสารวัฏ คนบางคนเลยคิดว่าตายแล้วจะพ้นทุกข์อันนี้อันตรายมาก เพราะมนุษย์เป็นภพภูมิที่เอื้อต่อการสร้างกุศลขั้นสูงสุดคือภาวนา การตัดรอนชีวิต ก็เท่ากับตัดรอนโอกาสในการสัมผัสถึงพระนิพพานของตัวเองกรรมวิบากของการฆ่าตัวตายจึงน่ากลัวกว่าปัหาก่อนตายมากมายหลายเท่านัก
ถ้าเรานำความทุกข์ทั้งหลายในโลกนี้มากองรวมๆกัน แล้วกรองแยกออกมา จะพบว่าความทุกข์จริงๆแล้วแบ่งได้เป็น ๓ ประเภทคือ ผิดหวังในอดีต ไม่พอใจกับปัจจุบัน และ กังวลถึงอนาคต พระพุทธเจ้าจึงสอนเราให้อยู่กับปัจจุบัน มีสติ คือรู้ในปัจจุบันขณะ เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้วและอนาคตก็เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
คนเราเป็นทุกข์เพราะเคยชินกับการหนีทุกข์ วิ่งหาสุขแทนที่จะเรียนรู้เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสติ ไม่ว่าจะในเวลาสุขหรือทุกข์ ที่เราคอยหนีทุกข์ เพราะเกลียดทุกข์ ที่ทุกข์ง่ายเพราะขาดปัญญา ไม่เข้าใจโลก ไม่เข้าใจชีวิตไม่เคยชินกับการผิดหวัง ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือการพลัดพรากจากสิ่งที่รักเพราะเราถูกปลูกฝังความคิดให้เชื่อว่า คนที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่สมหวังเท่านั้นคนส่วนมากจึงขาดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันทุกข์ ไม่ชินกับการอยู่กับทุกข์ด้วยสติและไม่เห็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ทุกข์หรือสุข เป็นธรรมที่เสมอกัน เพราะต่างก็ผ่านมาในชีวิตชั่วครั้งคราวเท่าเทียมกัน เรามาฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันทุกข์ในใจเรา ตั้งแต่วันนี้ดีกว่าไหม
พระพุทธเจ้าบอกว่า “อย่ามาเชื่อเรา แต่จงมาพิสูจน์สิ่งที่เราสอน เราเป็นแค่ผู้บอกทาง แต่ท่านต้องเป็นผู้เดินทางนั้นเอง” ทางเดินนั้นมีอยู่ ใครจะเดินก็ได้ ไม่เดินก็ได้ เราต่างมีชีวิตของเรา จงเป็นเราอย่างที่ตัวเองอยากจะเป็น อย่าเป็นเพราะคนอื่นอยากให้เป็น ไม่ใช่มีพระห้อยเป็นร้อยองค์แล้วจะบรรลุธรรมได้ จะพ้นทุกข์ได้ ต้องลงมือทำ ต้องปฏิบัติ ต้องสะสมปัญญากันเอง เพียงแต่ย้อนมาทำความรู้จักตนเอง ซึ่งก็แค่กายกับใจนี่แหละ แล้วจะรู้จักตัวเอง รู้จักชีวิต รู้จักโลก ธรรมะก็คือ ธรรมชาติ ธรรมดา ที่เราสามารถทำได้อย่างปรกติ...ทุกวัน แล้วจะรู้ว่า ทำไมทุกเช้าผมถึงกราบพระพุทธเจ้าได้อย่างเต็มหัวใจ
เจริญในธรรม
วิจัย ตันติยวรงค์
เรียบเรียงและจัดทำ
หนังสือธรรมะที่ดีและควรอ่านที่สุด ก็คือ กายใจของเรานี่แหละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น