KSB The Challenge 2010

ข่าวสาร รูปกิจกรรมต่างๆ พูดคุยกับสมาชิก
วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553
หนังสือ ตีแบดให้ดีต้องตีด้วยใจ

คำนำ
ผมเป็นหนึ่งในผู้รักการออกกำลังกาย ในตอนเช้าในแต่ละวัน ไม่ว่าผมจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าขนาดไหน ผมก็จะต้องไปวิ่งที่สวนสาธารณะ และที่ต้องไปไม่เว้นแต่ละวันคือการตีแบด อย่างแย่ที่สุดก็โดดเป็นลิงอยู่ที่บ้านเพื่อให้ได้เหงื่อบ้าง ต้องขอบคุณความสนุกของแบดมินตันที่ทำให้ผมบ้าตีได้ไม่เว้นวันโดยไม่เบื่อ ตั้งแต่เคยศึกษามา ผมไม่เคยได้ยินว่าการออกกำลังกายมีผลเสียต่อร่างกาย ผลการวิจัยส่วนใหญ่ชี้ไปในทางเดียวกันว่า การออกกำลังกายเป็นประจำดีต่อสุขภาพ แล้วสิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างก็คือ ผู้ร่วมอุดมการณ์แบบเดียวกับผมมักจะมีร่างกายได้สัดส่วน ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะผอมเพรียว ส่วนผู้ชายก็จะไม่มีพุงกะทิที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายวัยกลางคนในปัจจุบันไปแล้ว
แต่ข้อดีเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องน่าจูงใจสำหรับหลาย ๆ คน หลายคนบ่นว่าเหนื่อย ทำงานทุกวันก็แย่แล้ว บางคนก็ดูจะเหมือนปล่อยวางเรื่องร่างกายของตน น่าสงสัยเหลือเกินว่าพวกเขาอาจเข้าถึงธรรมะข้อที่ว่า “ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรยั่งยืน” จนได้ปล่อยวางซะจนอ้วนตุ๊บได้ขนาดนั้น ถ้าคุณไม่ดูแลสุขภาพ ยามใดที่คุณเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการปล่อยปะละเลยร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคไต, ฯลฯ คุณก็ต้องเป็นทุกข์ แต่อย่าลืมซะด้วยล่ะว่า คนที่เป็นทุกข์ไม่ใช่คุณคนเดียว พ่อคุณ แม่คุณ ภรรยาคุณ สามีคุณ ลูกคุณ คงไม่ทิ้งคุณให้ต้องลำบากเพียงคนเดียว พวกเขาต้องมาช่วยดูแลคุณในยามเจ็บป่วยแน่ ๆ และพวกเขาก็ต้องเป็นทุกข์กับอาการเจ็บป่วยของคุณเช่นกัน
ผมไม่ได้หวังว่าทุกคนจะหันมาออกกำลังกายทุกวันเหมือนผม แต่ผมหวังว่าทุกคนจะหัดเรียนรู้ที่จะ “รักตัวเอง” กันซะบ้าง รักตัวเองไม่ได้หมายถึงให้เห็นแก่ตัวเอง รักตัวเองหมายถึงใส่ใจดูแลร่างกายและจิตใจของตนเอง กินแต่ของมีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ศึกษาธรรมะเพื่อให้จิตใจผ่องใส และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อย่าลืมด้วยล่ะว่า เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเองเท่านั้น เราทำเพื่อผู้อื่นที่รักเราด้วย
ชมรมฯแบดของเรามักจัดให้มีการแข่งขันอย่างสม่ำเสมอและผมก็ได้
เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันเรื่อยมา แตมีสิ่งหนึ่งซึ่งผมมักมองข้ามไป
ก็คือ การเตรียมจิตใจก่อนการตีแบดทุกครั้ง ทุกครั้งที่ลงสนามผมมักไม่ได้พกใจไปด้วย ทำให้ระหว่างที่ผมตี ก็มักจะหัวเสียกับการตีของตัวเอง
หัวเสียกับการตีของคู่ของผม หรือไม่ก็หัวเสียกับจังหวะต่างๆในเกมส์
นอกจากนั้นผมยังไม่เคยนึกถึงใจของคู่ผมเลย ผมไม่เพียงแต่คาดหวังว่า
คู่ของผมจะทำได้อย่างนั้นอย่างนี้อย่างที่ใจเราต้องการแต่ผมไม่เคยพยายามทำความเข้าใจคู่ของผมเลยแม้แต่น้อย ผมเคยได้ยินมาว่า “ไม่ว่าทำอะไรก็ตาม ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ” ไม่นึกเลยว่า แม้แต่การตีแบดก็ยังใช้กลักการข้อนี้ได้เช่นกัน
ต่อไปกลยุทธของผมในการแข่งก็คือ “เตรียมใจ” กับของตัวเองและ
เตรียมใจกับคนที่คู่กันกับผมด้วย
ผมตีแบดมาหลายปี ตอนนี้ผมยังคิดว่า ผมยังตีแบดได้ดี แต่เวลาตีก็ยังรู้
สึกว่าขาดอะไรไปอยู่ ตอนนี้ผมค่อนข้างมั่นใจแล้วล่ะว่า สิ่งที่ผมขาดหายไปในการตีแบดก็คือ “ใจ” นี่เอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)